บล็อก

มูลเลอร์ รีเทิร์นซัดสองพาเสือใต้คว้าชัยแชมป์ พรีเมียร์

ศึกการแข่งขันฟุตบอล อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ, ณ สิงคโปร สเตเดี้ยม – เชลซี 2 (อลอนโซ่ 45+2, บัตชูอายี่ 85) บาเยิร์น มิวนิค 3 (ราฟินญ่า 6, มูลเลอร์ 12, 27)

เชลซี ถูกขึ้นนำก่อนถึง 3 ลูก ก่อนที่จะได้ประตูตีตื้นขึ้นมา แต่ก็ไม่เพียงพอให้พวกเขาไล่ตามแชมเปี้ยนส์จากวงการฟุตบอลเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ได้

ประเด็นสำคัญ

กุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องกังวลฟอร์มการเล่นของลูกทีมในช่วงครึ่งแรกหรือไม่? หลังจากที่ลงวาดลวดลายในสนามได้เพียงไม่นาน เชลซี ก็ต้องพลาดเสียประตูติดต่อกันถึง 3 ประตู ในช่วงครึ่งแรก ซึ่งนี่เป็นเพียงการแข่งขันในช่วงพรีซีซั่น ถ้าหากว่าเริ่มการแข่งขันในฤดูกาลหน้าแล้วพวกเขายังฟาดแข้งด้วยฟอร์มเดิมๆนี้ อาจจะทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากก็เป็นได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์

ฟรองค์ ริเบรี่ (บาเยิร์น มิวนิค) มิดฟิลด์สุดเก๋าวัย 34 ปี ผู้มีส่วนช่วยสนับสนุนเกมส์รุกของทีมในหลายจังหวะ ทั้งการเคลื่อนไหว การจ่ายบอลของเขาทำให้เพื่อนร่วมทีมมีโอกาสในการทำประตูได้มากขึ้นนับเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญอย่างมากในแมทช์นี้

เหตุการณ์สำคัญ

นาทีที่ 6 เสือใต้เปิดเกมส์ ขึ้นนำ 1-0 ราฟินญ่า เก็บบอลจากผู้เล่น เชลซี ได้ในแดนกลาง ก่อนที่จะพาบอลบุกเข้ามาซัดเต็มข้อจากระยะไกลบอลเลยเสียบมุมเข้าประตูไปในที่สุด

นาทีที่ 12 บาเยิร์น ร้อนแรง นำห่าง 2-0 มูลเลอร์ ได้รับการสนับสนุน ริเบรี่ ทำให้เขามีโอกาสวอลเลย์บอลเต็มข้อเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 18 เสือใต้พลาดโอกาสทอง! ริเบรี่ โยนบอลให้กับ ร็อตริเกซ ที่พยายามหาจังหวะทำประตูในกรอบเขตโทษ แต่เขากลับพลาดซัดบอลข้ามคานออกไป

นาทีที่ 27 แชมป์ บุนเดสลีกา เดือด นำห่าง 3-0 อีกประตูที่สวยงามของ โทมัส มูลเลอร์ ที่ซัดบอลลอยโค้งจากระยะ 25 หลา ผ่านนายด่าน กรูตัวส์ เข้าไปตุงตาข่าย นับเป็นการคัมแบคที่ร้อนแรงของเขาเลยทีเดียว

นาทีที่ 43 เซพได้เยี่ยม บัตชูอายี่ เก็บตกบอลจากผู้เล่น บาเยิร์น ได้ ก่อนที่เขาจะซัดบอลเลียดและถูกเคลียร์ออกไป

นาทีที่ 45+2 เชลซี ตีไข่แตก 3-1 โมเสส ตัดบอลให้กับ อลอนโซ่ ซัดบอลเต็มข้อเสียบเสาตุงตาข่าย

นาทีที่ 72 งานละเอียด หลุยส์ ซัดบอลจากระยะ 25 หลา ติดการป้องกันของผู้เล่น บาเยิร์น ออกไป ซึ่งพวกเขาต้องได้ลูกเตะมุมแต่กรรมการตัดสินโทษพวกเขาเนื่องจากทำฟาล์ว

นาทีที่ 85 เซลซี สู้ไม่ถอย ตีตื้น 3-2 เชลซี ได้โอกาสโยนลูกเปิดมุมจากทางฝั่งซ้ายของประตู ฟาเบรกัส รับหน้าที่โยนบอลเข้าสู่กรอบเขตโทษและได้ บัตชูอายี่ ที่หาจังหวะโขกบอลจบสกอร์ไปได้ในที่สุด

Related Articles

Back to top button